
“ไม่เปรี้ยว-ไม่ขม ไม่ใช่ส้มท่าข่อย” นายวีระชัย เข็มวงษ์ เกษตรจังหวัดพิจิตร กล่าวถึงคำพังเพยเปรียบเทียบ ระหว่างเกษตรกรผู้ผลิต พ่อค้ารับซื้อและผู้บริโภค “ส้มโอท่าข่อย” ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรชนิดเดียวของจังหวัดพิจิตรที่ได้รับรอง “สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” หรือ “GI” โดยที่ “ส้มโอท่าข่อย” มี ลักษณะเด่น คือ เนื้อกุ้งสีชมพู รสหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เมล็ดน้อย บางผลไม่มีเมล็ดหรือเมล็ดลีบ ให้ผลผลิตสูง ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืช “ส้มโอท่าข่อย” มีสาร “นารินจิน (Naringin)” เป็นสารที่ทำให้รสขม ที่พบได้ในส้มโอ มีประโยชน์คือ ลดระดับไขมันน้ำตาลในเลือด และเพิ่มปริมาณอินซูลินในร่างกาย ร่วมถึงมีวิตามินซี ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันและกระตุ้มภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ทั้งนี้ เกษตรกรส่วนใหญ่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตส้มโอท่าข่อยไม่แก่จัดเนื่องจากกุ้งจะติดนวม มีความฉ่ำน้ำ เนื้อจะเละ จึงทำให้ต้องเก็บผลผลิตประมาณ 70 – 80%
นายวีระชัยฯ กล่าวต่อว่า จากคุณลักษณะ ทัศนคติต่อการเก็บผลผลิตส้มโอท่าข่อย ทำให้ราคาส้มโอท่าข่อย ที่ขายผ่านจุดรวบรวมผลผลิต หรือ ล้ง ถูกกว่าส้มโอพันธุ์ขาวแตงกวา พันธุ์ทองดี และพันธุ์อื่นๆ หลายเท่า แต่จากการได้ศึกษาข้อมูล ราคาขายส่งออกส้มโอท่าข่อยไปต่างประเทศ ได้แก่ จีน เวียดนาม และตะวันออกกลาง ราคาส้มโอท่าข่อยราคาประมาณ 100 บาทต่อผล ประกอบกับไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมเก็บส้มโอท่าข่อยในระยะแก่จัดได้ ส้มโอท่าข่อยน่าจะมีสารสำคัญในส่วนที่มีรสชาติขม จึงได้ประสานงานกับ ผศ.ดร. พีระศักดิ์ ฉายประสาท มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก เสนอโครงการศึกษาสาระสำคัญ “ส้มโอท่าข่อย” ต่อ นายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรรับทราบไว้แล้ว และผลวิจัยเบื้องต้นพบสารในผลผลิตส้มโอระยะที่ไม่แก่จัด จะมีสารอนุมูลอิสระต้านมะเร็งต่อมลูกหมากและโรคหัวใจ หากผลการวิจัยให้การรับรองข้อมูลดังกล่าว จะได้ประชาสัมพันธ์เพื่อการยกระดับราคา “ส้มโอท่าข่อย” ให้สูงขึ้น และส่งเสริมปลูกและการแปรรูปส้มโอท่าข่อย เพิ่มรายได้เกษตรกรจังหวัดพิจิตรอย่างยั่งยืนต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร 056-613423 ต่อ 103 สำนักงานเกษตรอำเภอโพธิ์ประทับช้าง 056-689039