เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 นางสาวอภิญญา ทินอ่อน อายุ 33 ปี เจ้าของร้านรับซื้อของเก่าแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 7 ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง สมุทรปราการ ได้ร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว ว่า ถูกคนร้ายเข้าซื้อทองแดงน้ำหนักรวม 22 กิโลกรัม ทำทีเป็นโอนเงิน แต่ไม่มียอดเงินเข้าบัญชี ก่อนจะขับรถแท็กซี่หลบหนีออกไปจากร้านพร้อมกับของ ขณะที่เดียวกันกับที่เจ้าของร้านรู้ตัวจึงได้ให้คนงานในร้านขี่รถจักรยานยนต์ตามไป แต่ไม่ทัน คนงานในร้านได้ถ่ายคลิปไว้ และเห็นทะเบียนรถที่คนร้ายขับมาก่อเหตุได้อย่างชัดเจน
ภาพจากกล่องวงจรปิด สามารถจับภาพคนร้าน เป็นชายวัยประมาณ 48 ปี ได้อย่างชัดเจนในขณะที่มาทำการซื้อทองแดง และเดินไปที่เคาน์เตอร์ เพื่อทำการจ่ายเงิน ก่อนที่เจ้าของร้านจะให้เด็กในร้านเดินหิ้วกระสอบที่เต็มไปด้วยทองแดงเดินตามหลังคนร้ายไปไว้ที่รถแท็กซี่สีเหลือของคนร้าย ก่อนที่หนึ่งในคนงานที่เดินอยู่หน้าร้านได้เดินเข้าไปหาคนร้ายที่ขยับรถออกมาแต่คนร้ายได้เร่งเครื่องหนีไป คนงานดังกล่าวจึงจะรีบวิ่งไปเอารถจักรยานยนต์ขี่ตามไปแต่ไม่ทัน
นางสาวอภิญญา เจ้าของร้านขายของเก่า เผยว่า เหตุเกิดช่วงบ่ายของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ขณะกำลังให้บริการลูกค้าท่านอื่นอยู่ ก็มีชายอายุ 48 ปี ขับขี่รถแท็กซี่สีเหลืองมาจอดหน้าร้านริมถนนจากนั้นก็เข้ามาติดต่ออ้างว่าตนเองกำลังจะไปทำบุญด้วยการหล่อพระจึงต้องการใช้ทองแดงน้ำหนัก 21.9 ก.ก. โดยตกลงซื้อทองแดงในราคากิโลกรัมละ 314 บาท รวมเป็นเงิน 6,900บาท พอชั่งน้ำหนักทองแดงแบบสายไฟได้แล้วจึงนำใส่กระสอบ จากนั้นคนร้ายอ้างว่าจะขอจ่ายเงินผ่านการโอนเงินทางแอปของธนาคาร ตนจึงให้หมายเลขบัญชีจากนั้นคนร้ายทำทีกดโอนเงินและโชว์สลิปให้ด้วยแต่กลับไม่พบยอดเงินเข้าบัญชีแต่อย่างใดจึงให้คนงานไปแจ้งเจ้าตัว แต่พบว่ารีบขึ้นรถแท็กซี่ที่ขับมาจอดออกไปอย่างรวดเร็วคนงานจึงขี่รถจักรยานยนต์ ไล่ตามไปแต่ก็ไม่ทัน และสามารถถ่ายคลิปและหมายเลขทะเบียนรถได้ เป็นรถแท็กซี่โตโยต้า สีเหลือง ทะเบียน ทษ 1944 กรุงเทพมหานคร หลังเกิดเหตุได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์แล้ว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี
ตนเองก็รอการจับกุมของตำรวจมาหลายวัน และต้องคอยโทรถามความคืบหน้าตลอดแต่กลับไม่มีความคืบหน้าใด จนล่าสุดเมื่อวันก่อนโทรไปสอบถามทางร้อยเวรกลับอ้างว่าทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งตนเองก็ได้ชี้ตัวยืนยัน แต่ร้อยเวรแจ้งกลับมาอีกทีว่าทางผู้ก่อเหตุจะหาเงินมาชดใช้คืนและขอโอกาส อยากเจรจาไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งตนเองก็งงว่าทำไมต้องให้ไกล่เกลี่ย เพราะตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด พอตนเองแจ้งกลับไปว่าจะไม่ยอมเจรจาทางร้อยเวรกลับบอกว่าจะต้องรอออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุอีกครั้ง ซึ่งจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 14 วัน ทำให้ตนเองยิ่งไม่เข้าใจการทำงานของร้อยเวรท่านนี้ทั้งที่ รู้ชื่อ รู้ที่อยู่ หมดแล้ว ทำไมไม่ขอออกหมายจับและติดตามจับตัวมาดำเนินคดี ทั้งที่หลักฐานทุกอย่างสมบูรณ์หมดแล้วตนเองจึงตัดสินใจออกมาร้องสื่อเพื่อให้ตามจับตัวมาดำเนินคดีจะได้ไม่ไปก่อเหตุแบบนี้อีก