นายวีระชัย เข็มวงษ์ เกษตรจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วย นางฉวีวรรณ นันทารมย์ เกษตรอำเภอสามง่าม ลงพื้นที่เยี่ยมเกษตรกรผู้ปลูก “อินทผาลัม” แปลงของนายอภิชิต อาจวาที ต.หนองโสน อ.สามง่าม จ.พิจิตร ปลูกอินทผาลัมในพื้นที่ 7 ไร่ ปลูกทั้งหมดประมาณ 175 ต้น ปลูกระยะ 7 X 7 เมตร ในพื้นที่ 7 ไร่ใช้ปุ๋ยเพียง 5 กระสอบต่อปีเท่านั้น
อ่านต่อ คลิ๊ก

และไม่ได้ใช้สารเคมีในการกำจัดโรคแมลงแต่อย่างใด ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า ได้ของดี มีคุณภาพ สมราคาแน่นอน สำหรับพันธุ์ที่ปลูกเป็นอินทผาลัมสายพันธุ์ “บาร์ฮี” หรือ “บัรฮี” เป็นพันธุ์ที่เหมาะสำหรับการทานผลสดโดยเฉพาะ มีแหล่งกำเนิดในประเทศอิรัก ปัจจุบันมีการปลูกกันแพร่หลายในหลายประเทศ กล่าวกันว่า พันธุ์ Barhi เป็น “แอบเปิลแห่งตะวันออกกลาง” เริ่มปลูกเมื่อปี 2560 โดยซื้อต้นพันธุ์บาร์ฮีเพาะเนื้อเยื่อ ราคาต้นละ 2,000 บาท และมีต้นพันธุ์ที่เพาะเมล็ดราคา ราคา 150 บาท ซึ่งผลปรากฏว่าสายพันธุ์บาร์ฮีที่เพาะเมล็ดกลายพันธุ์กลายเป็นผลสีแดง เนื่องจากปกติผลจะมีสีเหลือง แต่รสชาติหวาน กรอบ อร่อย ผลใหญ่ และปลูกสายพันธุ์ KL-1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ไทย เพาะเมล็ด ราคา 580 บาท สำหรับการใช้น้ำมีบ่อบาดาลของตนเอง และใช้ระบบน้ำพุ่งใส่ต้นทุกต้น มีต้นทุนการผลิตของระบบน้ำต่อไร่ประมาณ 4,000 บาทต่อไร่ ขณะนี้ปลูกมาเป็นระยะเวลา 3 ปี เริ่มออกผลผลิตแล้วในปี 2563 นี้ ผลผลิตจะเริ่มเก็บมากที่สุดประมาณกลางเดือน มิถุนายน ถึงกรกฎาคม นี้ ขณะนี้มีผู้สนใจมาจับจองซื้อถึงหน้าสวน โดยจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 300-500 บาท (ผลผลิตเฉลี่ยต้นละ 20 กิโลกรัม คิดเป็นเงินต้นละประมาณ 6,000 – 10,000 บาท เกษตรกรปลูกจำนวน 175 ต้น เกษตรกรจะมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตอินทผาลัมในพื้นที่ 7 ไร่ เป็นเงินประมาณ 1,050,000 – 1,750,000 บาท)
ด้านนายวีระชัย เข็มวงษ์ เกษตรจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า นายอภิชิต ถือว่าเป็นเกษตรกรที่กล้าที่จะเปลี่ยนและกล้าที่จะลองสิ่งใหม่ ซึ่งถือว่าอินทผาลัม เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรรายนี้ได้เป็นอย่างดี หากเกษตรกรท่านใดต้องการจะปลูกอินทผาลัม หรือพืชอื่น ควรที่จะหาข้อมูลเรื่องการดูและ รวมถึงโรคแมลงของพืชนั้น ๆ ด้วยเพื่อลดอัตราความเสี่ยง ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร ได้แนะนำเพิ่มเติมเรื่องการทำเกษตรที่ดีและเหมาะสม (GAP) ให้กับเกษตรกร สำหรับท่านที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร 056-613423 ต่อ 103 หรือที่เกษตรกรโดยตรงที่ นายอภิชิต อาจวาที ต.หนองโสน อ.สามง่าม จ.พิจิตร โทร. 098-8399168
อินทผลัมเป็นผลไม้ที่ไม่มีคอเลสเตอรอลและไขมันต่ำ นอกจากนี้เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ วิตามิน A, วิตามิน B1, วิตามิน B2, วิตามิน B6, วิตามิน K, แคลเซียม, ซัลเฟอร์, เหล็ก, โพแทสเซียม, ฟอสฟอรัส, แมงกานิส, แมกนีเซียม และน้ำมันโวลาไทล์ แถมยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งช่วยในการลดอาการท้องผูกตามความเชื่อในคัมภีร์อัลกุรอานช่วยรักษาและบำบัดพิษต่าง ๆ ด้วยการรับประทานวันละ 7 เม็ด ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ เพราะในอินทผลัมมีสารฟีลกูลีน ซึ่งช่วยบำรุงการหลั่งน้ำเชื้อของเพศชายได้ อินทผลัมอุดมไปด้วย เบต้าแคโรทีน ลูติน และซีแซนทิน ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งในช่องท้อง ช่วยบำรุงร่างกาย แก้โรควิงเวียนศีรษะ แก้กระหาย ช่วยลดเสมหะภายในลำคอ หากรับประทานอินทผลัมยามเช้าขณะท้องว่าง อินทผลัมจะทำการฆ่าเชื้อโรค พยาธิ และสารพิษที่ตกค้างที่อยู่ในลำไส้ และระบบทางเดินอาหาร เพราะอินทผลัมมีฤทธิ์ในการกำจัดสารพิษและช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิดซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง และจากรายงานการวิจัยในประเทศซาอุดีอาระเบีย พบว่าอินทผลัมสามารถช่วยทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรง และช่วยป้องกันเยื่อบุในกระเพาะอาหาร ช่วยลดความรุนแรงของแผลในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้อินทผลัมสดนั้นยังมาคั้นเป็นน้ำเพื่อดื่มโดยก็มีประโยชน์ไม่แพ้ผลอินทผลัมแห้งเลยแม้แต่น้อย
