
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดตัวโครงการจิตอาสารักษ์แม่น้ำโฉมใหม่พัฒนา “คลองสวยน้ำใส ชวน 1 ชุมชนใช้ถังดักไขมัน”ณ ชุมชนคลองคอต่อ จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งเป้าพัฒนาเป็นชุมชนต้นแบบจัดการขยะอินทรีย์และขยะพลาสติก ปูทางสู่ “BCG บางปูโมเดล” เตรียมขยายผลเพิ่มในเฟสต่อไป
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กิจกรรมจิตอาสา “พัฒนาคลองสวยน้ำใส คือการเชิญชวน ชุมชนให้ใช้ถังดักไขมัน”ที่ ชุมชนคลองคอต่อ จังหวัดสมุทรปราการ โดย กระทรวงอุตสาหกรรมได้น้อมนำพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการพัฒนาคูคลองและแม่น้ำให้กลับมาสะอาดและสวยงาม โดยได้เข้มงวดกำกับดูแลและเฝ้าระวังโรงงานทุกแห่ง โดยเฉพาะโรงงานที่อยู่บริเวณลุ่มน้ำ จำนวน 1,200 โรงให้ปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ส่วนโรงงานขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำทิ้งมากกว่า 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งมีประมาณ 300 โรงได้มีการติดตั้งระบบตรวจวัดคุณภาพน้ำแบบอัตโนมัติ เพื่อติดตามได้ตลอด 24 ชั่วโมง จากความเชี่ยวชาญด้านการตรวจกำกับดูแลโรงงาน การพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านวิศวกรรมศาสตร์ และมีเครือข่ายผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานจึงมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมช่วยป้องกัน กำกับดูแล และแก้ไขปัญหาน้ำเสียจากภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือนก่อนระบายลงสู่คูคลองและแม่น้ำ ซึ่งในปี พ.ศ. 2564 กระทรวงอุตสาหกรรมจะดำเนินการในพื้นที่นำร่อง 10 คูคลอง 10 ลุ่มน้ำสายหลัก ภายใต้ “โครงการจิตอาสารักษ์แม่น้ำ”


ด้านนางวรวรรณ ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสากระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเลือกชุมชนคลองคอต่อเข้าสู่การพัฒนาเป็น 1 ใน 20 คลอง/แม่น้ำ เนื่องจากเป็นชุมชนดั้งเดิมที่มีประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า บ้าน วัด โรงเรียนอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน รวมทั้งมีผู้นำที่เข้มแข็ง และคลองคอต่อมีการระบายน้ำออกสู่ทะเล โดยกระทรวงฯ จะเข้ามาดำเนินการ ระยะแรกทำทันที โดยติดตั้งถังดักไขมัน จำนวน 200 ใบ ให้กับครัวเรือน ร้านค้า และโรงเรียน เพื่อลดการปล่อยน้ำเสียและแก้ไขปัญหาท่อน้ำอุดตัน สามารถลดการให้เอกชนมาขุดลอกท่อจากปีละ 4 เหลือ 2 ครั้ง และได้หารือกับผู้ประกอบการจิตอาสาในพื้นที่สมุทรปราการ ที่จะติดตั้งตาข่ายดักขยะ เพื่อป้องกันขยะจากคลองอื่นไหลมายังคลองคอต่อ ระยะที่สอง-กรกฎาคม 2564 จะต่อยอดนำไขมัน เศษอาหาร ขยะอินทรีย์จากถังดักไขมันไปใช้ประโยชน์ โดยตั้งจุดรวม (Drop Point) และขนส่งไปยังศูนย์การเรียนรู้การจัดการขยะครบวงจร ณ วัดจากแดง ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ที่เป็นผู้สนับสนุนโครงการ เพื่อเข้าสู่การบำบัดอย่างถูกต้องและการสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น ปุ๋ย น้ำหมัก และแก๊ส รวมทั้งการให้ความรู้พัฒนาชุมชนคลองคอต่อ เพื่อนำร่องในการจัดการขยะอินทรีย์และขยะพลาสติก เพื่อให้เป็น “BCG บางปูโมเดล” ซึ่ง GC จะประสานงานกับชุมชน รวมทั้งดำเนินการติดตั้งเครื่องเติมอากาศในน้ำ




นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการมอบทุนการศึกษา จำนวน 25 ทุน และอุปกรณ์กีฬา 3 ชุด ให้กับโรงเรียนพิบูลประชาบาล (ประถม) และโรงเรียนมัธยมศรีจันทร์ประดิษฐ์ ในพระบรมราชานุเคราะห์ รวมทั้งมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ยากไร้และผู้ป่วยติดเตียง จำนวน 50 ชุด โดยมีผู้เข้าร่วมงานจำนวนกว่า 200 คนร่วมกันพัฒนาปรับภูมิทัศน์ แบ่งออกเป็น 3 กิจกรรม ได้แก่ 1) การตักขยะในคลองและทาสีสะพาน 2) การปรับปรุงซ่อมแซมอาคารและเครื่องออกกำลังกาย และ การทำความสะอาดชุมชน และเป็นการทำกิจกรรมจิตอาสาเนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ประจำปี 2564 ที่กำหนดให้ทุกกระทรวงดำเนินการภายใต้แนวคิด “1 กระทรวง 1 การให้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นในยุค New Normal” และวันที่ 26 มีนาคม 2564 ซึ่งกระทรวงฯ มีแผนจะจัดกิจกรรมลักษณะเดียวกันนี้ บริเวณชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดปทุมธานี เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและความสุขให้กับประชาชน
ทั้งนี้ 10 คลองเป้าหมายของโครงการฯ ประกอบด้วย คลองเปรมประชากร คลองแสนแสบ คลองบางลำพู คลองสี่วาพาสวัสดิ์ คลองขุดเจ้าเมือง คลองคอต่อ คลองมหาสวัสดิ์ คลองตะโหนด คลองดำเนินสะดวก และคลองอัมพวา และ 10 แม่น้ำที่กระทรวงฯ เข้าไปร่วมดูแลผ่านโครงการฯ ได้แก่ แม่น้ำกวง แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำบางปะกง ลุ่มน้ำปราณบุรี ลุ่มน้ำตาปี ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา แม่น้ำพอง แม่น้ำชี และแม่น้ำมูล



