
เมื่อเร็วๆนี้ นายพรพิษณุ จันสวัสดิ์ นายอำเภอสองแคว จ.น่าน รับมอบกล้าไม้ จาก นายเมธี มะลิลม นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ รักษาราชการแทนเกษตรอำเภอสองแคว ซึ่งพันธ์กล้าไม้ดังกล่าว ทางสำนักงานเกษตรอำเภอสองแคว รับการสนับสนุนจากศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดน่าน (พืชสวน) ซึ่งประกอบบด้วย มะไฟจีน ผักเชียงดา ผักฮาก และไผ่ข้าวหลาม รวม 100 ต้น โดยทางสำนักงานเกษตรอำเภอสองแคว และอำเภอสองแคว จะนำไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน เพื่อปลูกป่า ใน พื้นที่อำเภอสองแคว ตามโครงการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง 1 ล้านไร่ ถวายพ่อ จังหวัดน่าน
สำหรับ จังหวัดน่าน มีพื้นที่จำนวนทั้งสิ้น 7.58 ล้านไร่ จำแนกเป็นพื้นที่ป่าตามกฎหมาย (ทั้งป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์) 6.05 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 79.81 ของพื้นที่จังหวัดจากการสำรวจพบว่าปัจจุบัน มีประชาชน อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่า จำนวน 1.57 ล้านไร่ อันเป็นสาเหตุหนึ่งของการทำให้พื้นที่ป่าลดลง และกลายเป็นเขาหัวโล้น หากปล่อยให้ป่าไม้น่านถูกทำลายต่อไป ลำน้ำน่านที่อุดมสมบูรณ์ก็จะแห้งขอดลง มวลน้ำที่ว่ามีสูงถึง ร้อยละ 40 ของมลน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉลี่ยในแต่ละปี ก็จะต้องลดลงไปด้วย ส่วนว่าจะลดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าป่าจะถูกทำลายแค่ไหน นับเป็นต้นน้ำที่สำคัญอย่างยิ่ง
จังหวัดน่าน ได้ให้ความสำคัญด้านการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ริเริ่มจัดทำโครงการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง 1 ล้านไร่ ถวายพ่อ จังหวัดน่าน ในปี 2565 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเพื่อเป็นการฟื้นฟูป่าต้นน้ำจังหวัดน่านให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยได้ประสานการบูรณาการภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน และประชาชนในพื้นที่
สำหรับการ “ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” ตามแนวทางพระราชดำริ นั้น เป็นการปลูกพืช ผัก สวนครัว ทำให้พออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเย็น เป็นเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน ก่อนเข้าสู่ขั้นก้าวหน้า คือ ทำบุญ ทำทาน เก็บรักษา ค้าขาย และเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย
ปลูกป่า 3 อย่าง ได้แก่ 1. ไม้ใช้สอย คือ ไม้โตเร็ว สำหรับใช้ในครัวเรือน เช่น สะเดา , ไผ่ 2. ไม้กินได้ เช่น มะม่วง ผักกินใบต่างๆ และ 3. ไม้เศรษฐกิจ ได้แก่ ไม้ที่ปลูกเพื่อจำหน่าย เช่น ไม้สัก เป็นต้น
ส่วนประโยชน์ 4 อย่าง คือ 1. พอกิน คือ การปลูกต้นไม้ที่กินได้ รวมทั้งใช้เป็นยาสมุนไพร 2.พอใช้ คือการปลูกต้นไม้ให้เป็นป่าไม้ สำหรับทำเครื่องใช้สอยในครัวเรือน 3. พออยู่ คือการปลูกต้นไม้ที่ใช้เนื้อไม้และไม้เชิงเศรษฐกิจให้เป็นป่า ไม้กลุ่มนี้เป็นไม้อายุยืนเพื่อใช้สร้างบ้าน ทำเครื่องเรือน และ 4. พอร่มเย็น คือ เมื่อเราปลูกป่า จะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศดินและน้ำให้กลับมาอุดมสมบูรณ์