จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ เข้าไประงับเหตุที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งได้เปิดเพลงเสียงดัง สร้างความเดือดร้อน รำคาญ ให้กับชาวบ้าน แล้วมีทางด้านครอบครัวดังกล่าวออกมาโวยวายและด่าทอตำรวจสายตรวจ พร้อมทั้งกล่าวอ้างนามสกุลดังและอ้างรู้จักตำรวจมากมาย จนกลายเป็นกระแส ดราม่า ในสังคมออนไลค์และเกิดคำถามมากมาย ทางด้านครอบครัวดังกล่าวได้ออกมาให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมทั้งระบุว่า วันนี้จะเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกและเข้าพบผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพื่อขอความเป็นธรรมและขอให้อบรมลูกน้อง
โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้า วันที่ 15สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อสังเกตการณ์ รออยู่นานแต่ไม่พบวี่แววของครอบครัวดังกล่าวแต่อย่างใด โดยมีรายงานว่าทางครอบครัวยังไม่พร้อมมาพบพนักงานสอบสวนและขอเลื่อนนัดไปเป็นวันพฤหัสบดีแทน
ล่าสุดเมื่อ เวลา 13.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผู้บังคับบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย , พ.ต.อ.นพดล ช่างเรือน ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ , พ.ต.ท. ไมตรี บูรณทอง รองผกก.ป .สภ.เมืองสมุทรปราการ และ ส.ต.ต.สุรวีร์ วีระชาติ ผู้บังคับการหมู่งานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ สายตรวจที่เข้าระงับเหตุ ตั้งโต๊ะแถลงในเรื่องที่เกิดขึ้น
พล.ต.ต. พัภภล แอร่มหล้า เปิดเผยว่า กรณีมีคลิปการระงับเหตุ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสื่อมวลชนต่างๆ เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 22.26 น. ศูนย์วิทยุ 191 สมุทรปราการ แจ้งมายังศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ ว่ามีประชาชนแจ้งเหตุ เปิดเพลงส่งเสียงดัง บริเวณร้านอาหารใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ศรีนครินทร์ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางตรวจสอบเหตุดังกล่าว โดยมี สิบตำรวจตรีสุรวีร์ วีระชาติ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจทรัพย์บุญชัย เดินทางตรวจสอบบริเวณดังกล่าว เมื่อเดินทางถึงบริเวณสถานที่รับแจ้งเหตุดังกล่าว พบว่าเป็นร้านอาหารมีการเปิดเพลงส่งเสียงดังจริง จึงได้ประชาสัมพันธ์กับกลุ่มประชาชนที่เปิดเพลงส่งเสียงดังให้ลดเสียงลง และเลิกการกระทำที่ก่อความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ซึ่งบริเวณดังกล่าวอยู่ภายในชุมชนที่มีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ต่อมา กลุ่มประชาชนดังกล่าว ได้เข้ามาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้คำพูดในลักษณะดูหมิ่น ใช้กำลังผลัก และตะโกนไล่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ออกไปจากสถานที่เกิดเหตุ ต่อมาหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าระงับเหตุ ได้เดินทางออกมาจากที่เกิดเหตุแล้ว ได้รวบรวมหลักฐานคลิปวิดีโอ ขณะปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบเหตุดังกล่าว แจ้งให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ตามคลิปดังกล่าวรวม 6 คน โดยแจ้งดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ จำนวน 6 ข้อหา ดังนี้ 1.ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่หรือให้ละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ตั้งแต่สามคนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 139 และมาตรา 140 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ / 2.ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 138 วรรค 2 และมาตรา 140 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ / 3.ร่วมกันดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 136 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ / 4.ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 391 โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ / 5.ร่วมกันเปิดเพลงเสียงดัง ทำให้เกิดเสียงหรือเกิดความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อนด้วยการเปิดเพลงเสียงดังในสถานที่เกิดเหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 370 โทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท / 6.ร่วมกันกระทำประการใดๆต่อผู้อื่นอันเป็นการข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 397 โทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท กรณีกระทำในที่สาธารณะ โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และได้ออกหมายเรียกกลุ่มผู้ต้องหาให้มาพบพนักงานสอบสวนไปแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2566 โดยกลุ่มผู้ต้องหาแจ้งจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนในวันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม 2566 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการเข้าระงับเหตุครั้งที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระทำการตามหลักกฎหมายและหลักยุทธวิธี ในการเดินทางตรวจสอบเหตุ รวมทั้งประเมินสถานการณ์เหตุการณ์ และยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงมากขึ้น จากเหตุที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน อดกลั้น อย่างถึงที่สุดและปฏิบัติตามขั้นตอนและหลักยุทธวิธี ในการใช้กำลัง เพื่อไม่ให้เกิดที่รุนแรงมากขึ้น
ในส่วนของประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความห่วงใย จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ผู้กระทำความผิด ให้ตระหนักถึงกรอบของกฎหมาย หากมีการกระทำความผิดจะต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำหนด
พ.ต.อ.นพดล ช่างเรือน ผู้กํากับการสถานีตํารวจภูธรเมืองสมุทรปราการ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าอีกฝ่ายผู้ต้องหาเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ขอให้ใช้สิทธ์ตามกฎหมายได้ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าทำหน้าที่ด้วยความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุดแล้ว ส่วนสิบตํารวจตรีสุรวีร์ ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักหรือโกรธเคืองกับกลุ่มผู้เสียหายมาก่อนแต่อย่างใด ทั้งนี้ ทางผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. และ ผบ.ตร. ก็กล่าวชื่มชมในการทำงานมาด้วย ส่วนการทำงานของ สิบตํารวจตรีสุรวีร์ ที่ผ่านมาก็เป็นคนที่ทำงานดีและขยันอดทนมาตลอด
ด้าน ส.ต.ต.สุรวีร์ วีระชาติ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ เปิดเผยว่าหลังจากเกิดเรื่องราวนี้ขึ้นมา ถามว่าท้อไหม ตนเองไม่ท้อ และยังได้กำลังใจและคำชมชนจากผู้บังคับบัญชาในการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นกำลังใจที่สำคัญสำหรับตนเอง จึงอยากฝากไปยังเพื่อนๆหรือพี่ๆตำรวจทั่วประเทศว่า เกิดเป็นตำรวจ เลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ต้องเจอกันทุกคน แต่ความอดทนอดกลั้นของเราตำรวจต้องมี จึงจะผ่านพ้นเหตุการณ์ดังกล่าวไปได้