|
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 เมษายน 2565 ที่สถานีตำรวจภูธรบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ได้เดินทางมาพร้อมกับนางสาวสุภาภรณ์ คีมไธสงค์ อายุ 24 ปี ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.สถามน ประเสริฐสุวรรณ สารวัตรสอบสวน สภ.บางเสาธง หลังถูกแก๊งค์ต้มตุ๋นฉ้อโกงให้กู้ยืมเงิน โดยมีสัญญากู้ยืมเงิน และให้เงินมาเพียง 5,000 บาท เท่านั้น แต่หลอกลวงว่าให้นำรถจักรยานยนต์มาตรวจสภาพรถ และจะนำรถจักรยานยนต์มาคืนให้ แต่สุดท้ายกลับเอารถจักรยานยนต์ไป เหตุเกิดที่บริเวณหน้าห้างเยสบางพลี ถนนเทพารักษ์ กม.ที่ 23 ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 29 มีนาคม 2565
จากการสอบถามนางสาว สุภาภรณ์ ผู้เสียหาย เล่าว่าตนเห็นในเฟสมีการปล่อยเงินกู้ จึงติดต่อไปกู้เงิน โดยมีผู้หญิงติดต่อกลับมาว่าให้กู้ขั้นต่ำ 5,000 บาท เก็บดอกร้อยละ 5 ต่อเดือน แต่ต้องนำรถจักรยานยนต์มาตรวจเช็คสภาพ ขับขี่ผ่านหน้ากล้องวงจรปิดของทางบริษัทที่ผู้ก่อเหตุแอบอ้างว่าเป็นบริษัทที่ปล่อยเงินกู้ ตั้งอยู่ข้างห้างเยสบางพลี เพื่อใช้เป็นหลักประกันในการรับเงิน แล้ววันถัดไปให้มารับรถคืนได้ ซึ่งตนเองก็หลงเชื่อ ต่อมาวันที่ 29 มีนาคม 2565 ได้มีการนัดกัน ตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ สีแดง ทะเบียน 4 ขท 5688 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของแฟนตน มาตามนัด โดยหญิงคนดังกล่าวบอกว่าจะมีไฟแนนซ์มาดูรถ และจะนำเงินมาให้ พอสักพักก็มีชายอ้างว่าเป็นไฟแนนซ์มาถึงก็ได้พูดคุยกับตน ซึ่งตนให้พาไปดูบริษัทว่าตั้งอยู่ตรงไหน ชายคนดังกล่าวได้พาเดินไปดูที่บริษัทตรวจสภาพรถที่อยู่ข้างห้างเยสบางพลี ชี้ให้ดูว่าเป็นบริษัทเขา และผู้หญิงที่ติดต่อกันกำลังทำเอกสารให้อยู่ ก่อนให้เซ็นเอกสารเงินกู้และให้เงินมา 5,000 บาท จากนั้นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ตนขับขี่มาออกไป โดยบอกว่าจะนำรถไปตรวจสภาพและจะนำมาคืนตอนเที่ยงของอีกวัน โดยในวันต่อมาตนได้พยายามทักเฟสกับหญิงสาวที่ติดต่อมา แต่ก็เงียบไม่มีการตอบรับ ตั้งแต่เที่ยงจนถึงช่วงเย็นก่อนที่จะโดนบล็อกเฟส จึงได้ไปตามที่บริษัทตรวจสภาพรถที่ผู้ก่อเหตุแอบอ้าง แต่พอไปถึงที่บริษัทบอกไม่รู้เรื่อง และยังบอกอีกว่าก่อนหน้านี้เคยมีคู่ผัวเมียมาถามเหมือนกัน จากนั้นตนจึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.บางเสาธง เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าเข้าฐานฉ้อโกง แจ้งได้นะแต่ตนเองก็จะโดนดำเนินคดีไปด้วย เพราะว่ารถจักรยานยนต์ของแฟนตนอยู่ระหว่างผ่อนกับไฟแนนซ์แต่กลับเอาไปจำนำ ตนจึงเกิดความกลัว จึงมาปรึกษา ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ให้ช่วย
ทางด้าน ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ กล่าวว่า ผู้เสียหายน่าสงสารถูกหลอกลวงจากขบวนการระดับประเทศ ถือว่าเป็นภัยสังคมอย่างมาก น่าจะมีเหยื่อหลงเชื่ออีกมากมาย ประชาชนโดนหลอกลวงนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีใครกล้ามาแจ้งความ ขบวนการนี้หลอกลวงในเฟสบุค ในโซเชียล ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน อาศัยเศรษฐกิจไม่ดี ข้าวยากหมากแพง อาศัยหลอกลวงคนจนชาวบ้านประชาชนตาดำ ๆ ไม่รู้กฎหมาย และอาศัยช่องว่างของกฎหมาย ซึ่งตอนนี้เป็นช่วงโควิดกำลังระบาด ถือว่าเป็นการซ้ำเติมประชาชน