บุหรี่มีสารมากกว่า 100 ชนิด ที่ส่งผลไม่ดีต่อร่างกาย ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมามากมาย ยิ่งสูบนานจะทำให้ยิ่งเพิ่มโรค โดยเฉพาะหัวใจและปอดเป็นอวัยวะที่ถูกบุหรี่ทำลายอย่างมาก การตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ ไม่เริ่มสูบ หรือหากสูบไปแล้วรีบเลิกทันที อีกทั้งตรวจเช็กสุขภาพหัวใจและปอดเป็นประจำทุกปีคือเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ
นพ. ชาติทนง ยอดวุฒิ อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่กำลังสูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่ระยะเวลาเฉลี่ยมากกว่า 30 ปีและมากกว่า 1 ซองต่อวัน (หรือเท่ากับ 30 ปีซอง หรือ pack-year) ในช่วงอายุ 55 – 75 ปี หรือสูบบุหรี่ระยะเวลาเฉลี่ยมากกว่า 20 ปีซอง ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ อย่างกรรมพันธุ์ มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งปอดได้ ซึ่งสารอนุมูลอิสระที่เกิดจากควันบุหรี่เป็นตัวการสำคัญที่เข้าไปทำลายโครงสร้างป้องกันตัวเองของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ ฯลฯ รวมถึงทำให้ผนังหลอดเลือดแดงแข็ง นำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจตีบชนิดเรื้อรัง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โรคหลอดเลือดสมอง ปวดขาจากหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ การโป่งพองของหลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้อง เป็นต้น ยิ่งเวลาที่พ่นควันบุหรี่ออกมา ผู้ที่สูดควันบุหรี่จะได้รับสารเหล่านี้เทียบเท่ากับคนที่สูบบุหรี่ โดยอาการที่สามารถสังเกตได้เมื่อการสูบบุหรี่ส่งผลต่อหัวใจมี 2 แบบ ได้แก่ อาการแบบเฉียบพลัน จากการที่เส้นเลือดตีบหรือตัน อาทิ เจ็บหน้าอกทันที ใจสั่น และอาการแบบค่อยเป็นค่อยไป จากการเกิดหินปูนในหลอดเลือด อาทิ เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก ไม่มีแรง ฯลฯ มาจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างออกกำลังกาย เดินขึ้นบันได เดิน เป็นต้น นอกจากนี้ สารพิษในบุหรี่ยังกระตุ้นให้มีภาวะความดันโลหิตสูง โดยผู้ที่สูบบุหรี่จะมีความดันโลหิตสูงมากกว่าคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่หลายเท่า โดยเฉพาะความดันโลหิตสูงในคนอายุน้อยที่ไม่มีกรรมพันธุ์ปัจจุบันพบได้มากขึ้น เมื่อความดันโลหิตสูงก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงหลอดเลือดตีบตามอวัยวะต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ในผู้ที่สูบบุหรี่ปริมาณมากและสูบตั้งแต่อายุยังน้อยพบว่ามีอุบัติการณ์ปัญหาหลอดเลือดตีบตันเร็วกว่าคนทั่วไป