จากกรณีที่นายปรีชา ชุ่มสมบัติ เจ้าของอู่แท็กซี่มังกรเจ้าพระยา ได้ออกมาแฉพฤติกรรมของลุงสิทธิ์ชัย ใกล้ชิด อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่ ที่ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่ารายได้มันหดหาย ชีวิตเหมือนหนังในละคร และตอนนี้ก็ไม่มีกินแล้วจึงต้องผันตัวมาส่งของพัสดุ ที่มีการโพสต์กับอยู่บนโลกโซเชียล จนมีคนแห่บริจาคช่วยภายในคืนเดียวมียอดเงินบริจาคมากกว่า 8 ล้านบาท
อ่านต่อ คลิ๊ก
ส่วนที่นายปรีชา ออกมาขอความเป็นธรรมเนื่องจากลุงสิทธิชัย และลูกชาย ติดค้างค่าเช่ารถแท็กซี่อยู่จำนวน 14,970 บาทไม่ยอมจ่ายคืนให้ ตนให้โอกาสมาตั้งแต่วันแรกมาลุงสิทธิ์ชัย ได้รับเงินบริจาค มาจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับการชดใช้ ติดตามที่บ้านก็ไม่พบตัวติดต่อโทรศัพท์ก็ไม่ได้ เมื่อวานจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมือง สมุทรปราการ
เมื่อช่วงสายของวันนี้ที่ 13 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วินรถแท็กซี่ ซึ่งภายในลายจอดรถห่างโลตัสบางปู ซึ่งลูกชายของลุงสิทธิ์ชัย ขับอยู่เพื่อสอบถาม แต่กลับได้รับแจ้งจากเพื่อนร่วมวินว่าโดยส่วนตัวแล้วรู้จักกับลุงสิทธิ์ชัย แต่ลุงสิทธิ์ชัย ไม่ได้ขับอยู่ที่วินนี้มีเพียงลูกชายแก่ที่มาขับเท่านั้น แต่ก็ขับได้ประมาณครึ่งเดือน หลังจากที่มีคนบริจาคเงินมาช่วยลุงสิทธิ์ชัย ลูกแกก็ไม่ได้มาขับแท็กซี่ที่วินอีกเลย
ด้านนายลาภิษ เพชรแย้ม อายุ 48 ปี คนสนิทลูกชายลุงสิทธิ์ชัย ได้เล่าว่า หลังจากวันที่ทราบข่าวว่าลุงประสิทธิ์ ผู้เป็นพ่อเขาได้รับเงินบริจาคมาก็ไม่เคยเห็นเขาอีกเลยและได้ข่าวว่าเขาเอารถไปคืนที่อู่มังกรเจ้าพระยาแล้วก็หายตัวไปเลย และล่าสุดได้ยินข่าวจากเพื่อนที่ขับแท็กซี่ว่าได้พบเห็นลุงสิทธิ์ชัย ขับรถแท็กซี่ป้ายแดงไปเติมแก๊สอยู่ในย่านคลองขุดบางพลี และในหมู่บ้านพฤกษา 15 ลุงแกกลายเป็นคนดังใคร ๆ ก็รู้จัก ล่าสุดก็ไม่มีใครติดต่อแกและลูกชายแกได้เลย แต่จริง ๆ ที่คุยกะเจ้าของอู่ที่แรกเขาก็อยากได้เงินคืน เพราะเขาเดี๋ยวขับเดี๋ยวไม่ขับ แบบนี้เราก็เข้าใจมันมีค่าใช้จ่ายเยอะ ค่าส่งงวดเขาส่งเดือนละ 2 หมื่นกว่า เขาก็อยากได้มาจุนเจือครอบครัวมันก็ธรรมดาในการเช่า มันก็ต้องจ่ายค่าเช่า ถ้าเขาตั้งใจทวง เขาก็ทวงตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่เขาให้เกียรติเผื่อสำนึกได้ แกอาจจะมีคืนให้เรา แต่พอมันผ่านไปนานเข้ามันก็เงียบเฉยไปที่บ้านก็ไม่เจอโทรก็ติดต่อไม่ได้
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. นายปรีชา ชุ่มสมบัติ อายุ 49 ปี เจ้าของอู่แท็กซี่มังกรเจ้าพระยา ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อถอนแจ้งความแล้วหลังจากที่ลุงสิทธิ์ชัย ได้ให้เพื่อนสนิท โอนเงินจำนวน 15.000 บาทเข้ามาใช้หนี้ในบัญชีของลูกชาย แต่นายปรีชา ได้โอนเงินส่วนเกินจำนวน 30 บาทคืนกลับเข้าไปในบัญชีที่โอนมา เนื่องจากทั้งสองค้างค่าเช่าตนเพียงแค่ 14,970 บาท หลังจากนั้นได้เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมือง สมุทรปราการ เพื่อถอนแจ้งความ เพราะเรื่องของตนและลุงสิทธิ์ชัย กับลูกชายจบแล้ว ส่วนเรื่องอื่นตนไม่ขอเกี่ยวข้อง