
เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันที่ 19 มกราคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้าสมิงพราย ว่ามีชายถูกยิงได้รับบาดเจ็บ มาเข้ารักษา หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเดินทางเข้าตรวจสอบ บนเตียงคนไข้ภายในห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลดังกล่าว ได้พบแพทย์กำลังให้การักษาผู้บาดเจ็บชื่อนาย ธี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ที่ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณต้นขาข้างซ้าย โดยเหตุเกิดที่ บ้านเลขที่ 86 ม.9 ซอยเปรมฤทัย 15 ต.สำโรง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
โดยนายธี ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนนั่งอยู่ในบ้าน ได้มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาภายในซอยด้วยกันหลายคัน มาจอดที่หน้าบ้านตนก่อนที่จะใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในบ้านตนหลายนัดกระสุนทะลุประตูบ้านเข้ามาถูกที่ต้นขาตน และพากันขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ก่อนที่ญาติจะพาตนมารักษาที่โรงพยาบาล
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่ามีกล้องวงจรปิดของบ้านข้างเคียงที่บันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้พบว่า มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่และซ้อนท้ายกันมาด้วยรถจักรยานยนต์ 3 คัน รวม 6 คน ขี่มาพร้อมกับอาวุธครบมือทั้งมีดและปืน จากนั้นหนึ่งในหนึ่งในนั้นได้ชักปืนยิงใส่เข้าไปในบ้านพักของผู้บาดเจ็บ และพยามยามจะพังประตูเข้าไปแต่เปิดประตูไม่ได้จึงพากันขี่รถหลบหนี
เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังออกสืบสวนหาข่าวจนกระทั่งทราบผู้ก่อเหตุมีบ้านพักอยู่ในย่านบางนา จึงนำกำลังติดตามไปจับกุมตัวนายจีรเดช สวยดี อายุ 18 ปี หนึ่งในผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ในบ้านพักหลังดังกล่าว พร้อมด้วยอาวุธปืนดัดแปลงขนาด .38ม.ม.จำนวน 1 กระบอก และติดตามจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุได้รวม6คน และยึดของกลางเป็นมีดหัวตัดจำนวน 6 เล่ม ขวานจำนวน 2 เล่ม พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุอีก 3 คัน
นายจีรเดช ซึ่งเป็นคนใช้ปืนยิง ได้ให้การอ้างว่า ที่ทำลงไปนั้นเนื่องจากก่อนหน้านี้ขณะที่ตนขี่รถออกมาซื้อของแล้วถูกฝ่ายตรงข้ามใช้ปืนยิงใส่ จนต้องหนีและตามพรรคพวกมาแก้แค้น
ขณะที่นายทศพร ป้อมดี อายุ 19 ปี หนึ่งในกลุ่มเพื่อนของฝ่ายผู้บาดเจ็บ ออกมาให้การเล่าว่า ตนไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มหรือไปยิงใส่คู่กรณีก่อนตามที่ถูกกล่าวอ้าง เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาว่า ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ ร่วมกันพกพาอาวุธปืนและมีดไปในเมืองชุมชน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุเร่งด่วนจำเป็น ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป